เอสซีจี เซรามิกส์ แถลงผลประกอบการไตรมาส 2 และครึ่งปีแรกของปี 2562 กำไรสวนกระแส เดินหน้าสร้างฐานธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืนเน้นพัฒนานวัตกรรมพลังงานทดแทน ยกระดับมาตรฐานคุณภาพสินค้าด้วยห้องปฏิบัติการทดสอบได้มาตรฐาน
ผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2562 ของ เอสซีจี เซรามิกส์ ทำกำไร 113ล้านบาทมากกว่าไตรมาสแรกก่อนหักหนี้ค่าใช้จ่ายพนักงานเกษียณอายุตามพรบ. คุ้มครองแรงงานใหม่ มุ่งเสริมความแข็งแกร่งสร้างฐานธุรกิจตามแนวทางพัฒนาอย่างยั่งยืน ล่าสุดคว้ารางวัลดีเด่นด้านอนุรักษ์พลังงาน Thailand Best Energy Award 2019 และยกระดับมาตรฐานคุณภาพสินค้าเป็นผู้ผลิตกระเบื้องเซรามิก รายแรกและรายเดียวในประเทศที่มีห้องปฏิบัติการทดสอบคุณภาพได้มาตรฐาน มอก.17025 (ISO/IEC-17025) เวอร์ชันใหม่
นายนำพล มลิชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสซีจี เซรามิกส์ จำกัด(มหาชน) หรือ COTTO ผู้ผลิตและจำหน่ายกระเบื้องภายใต้แบรนด์คอตโต้(COTTO) โสสุโก้ (SOSUCO) และ คัมพานา (CAMPANA) เปิดเผยถึงงบการเงินรวมก่อนสอบทาน ของ COTTO ในไตรมาสที่ 2 ปี 2562 ว่า บริษัทฯ มีรายได้จากการขาย 2,790 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 5 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลงร้อยละ 7 จากไตรมาสก่อน โดยมีกำไร 21 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 11 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลงร้อยละ 84 จากไตรมาสก่อน ปัจจัยสำคัญมาจากการตั้งประมาณการค่าใช้จ่ายตามกฎหมายคุ้มครองแรงงานฉบับใหม่ที่เพิ่มสิทธิค่าชดเชยกรณีพนักงานเกษียณอายุจาก 300 วันเป็น 400 วัน ทำให้ต้องตั้งประมาณการสำรองค่าใช้จ่ายในไตรมาสนี้ เป็นจำนวน 124 ล้านบาท
“ไตรมาสนี้ บริษัทฯ สามารถทำกำไรได้ประมาณ 113 ล้านบาท แต่เนื่องจากเราต้องตั้งประมาณการค่าใช้จ่ายตามกฎหมายคุ้มครองแรงงานฉบับใหม่ที่เพิ่มสิทธิค่าชดเชยพนักงานเกษียณอายุจาก 300 วัน เป็น 400 วัน เมื่อหักลบในส่วนนี้แล้วจึงทำให้กำไรลดลงจากไตรมาสแรก ” นายนำพล กล่าว
สำหรับผลประกอบการครึ่งปีแรกของปี 2562 เอสซีจี เซรามิกส์ มีรายได้จากการขาย 5,802 ล้านบาท ลดลง ร้อยละ 4 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนเนื่องจากราคาขายเฉลี่ยต่ำกว่าปีก่อน โดยมีกำไรสำหรับงวด 151 ล้านบาทเพิ่มขึ้นร้อยละ 182 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากกำไรจากการขายที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมหนองแค
นายนำพล กล่าวว่า “ไตรมาสที่ผ่านมา ถือว่ายังไม่มีปัจจัยบวก การที่ผู้บริโภคชะลอการซื้อและการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์เพื่อรอดูทิศทางของภาครัฐและสถานการณ์ในประเทศ ส่งผลกระทบต่อยอดขายเซรามิกและอัตราการเติบโตของตลาดเซรามิกในประเทศเป็นศูนย์ ประกอบกับความขัดแย้งของประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่มีผลทำให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัวและทำให้การแข่งขันจากสินค้านำเข้ารุนแรงมากยิ่งขึ้นมีผลกระทบต่อราคาขาย แต่ทั้งนี้บริษัทฯ สามารถลดต้นทุนจากการดำเนินงานตามแผนการปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตได้ตามเป้าหมาย ทำให้บริษัทฯ ยังสามารถแข่งขันและทำกำไรได้”
ในส่วนของตลาด CLM ตลาดพม่าและกัมพูชายังเติบโตต่อเนื่อง แต่เริ่มมีการชะลองานโครงการขนาดใหญ่ที่กัมพูชา ส่วนตลาดลาวมีสัญญาณชะลอตัวเนื่องจากสถานะขาดดุลต่อเนื่องของรัฐบาลและการอ่อนค่าของเงินกีบ สำหรับตลาดต่างประเทศอื่น ๆ นั้น มีการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้น เนื่องจากมีสินค้าเพิ่มมากขึ้นในสภาวะที่เศรษฐกิจชะลอตัว
นายนำพล กล่าวว่า “บริษัทฯ มีแผนการรองรับโดยเร่งขยายการส่งออกไปยังประเทศในกลุ่ม CLM โดยไตรมาสที่ผ่านมาสามารถเจาะตลาดและขยายฐานลูกค้าใหม่ได้หลายรายแม้ว่าการแข็งตัวของค่าเงินบาทจะมีผลกระทบต่อกำลังซื้อของผู้บริโภคก็ตาม ส่งผลให้ยอดขายในส่วนของตลาด CLM กระเตื้องขึ้น โดยเพิ่มขึ้น 10% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้ การแข็งตัวของค่าเงินบาทมีผลทำให้ศักยภาพในการส่งออกไปยังประเทศอื่น ๆ นอกจากนี้ลดลง และทำให้สถานการณ์การแข่งขันของสินค้านำเข้ารุนแรงมากขึ้นด้วย”
ในด้านกลยุทธ์การดำเนินงานที่สำคัญ บริษัทฯ ยังคงมุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะเรื่องการรักษาและยกระดับมาตรฐานคุณภาพสินค้าควบคู่ไปกับการสร้างแบรนด์สินค้า โดยนายนำพลกล่าวว่า “ในการสร้างแบรนด์สินค้าให้อยู่ในใจผู้บริโภคอย่างยั่งยืน สิ่งสำคัญที่บริษัทมุ่งเน้น คือ การรักษามาตรฐานและยกระดับคุณภาพสินค้าซึ่งถือเป็นจุดแข็งที่สำคัญของแบรนด์โดยเป็นสิ่งที่ผู้บริโภครับรู้และให้การยอมรับมาโดยตลอด ดังจะเห็นได้ว่าในทุกโรงงานที่เป็นฐานการผลิตของเราจะมีห้องปฏิบัติการทดสอบคุณภาพกระเบื้องที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน มอก.17025 (ISO/IEC-17025) ซึ่งเป็นมาตรฐานที่ให้การรับรองห้องปฏิบัติการทดสอบที่มีการดำเนินงานด้านระบบคุณภาพ มีความสามารถทางวิชาการและผลการทดสอบที่ออกโดยห้องปฏิบัติการเป็นที่เชื่อถือได้ว่าถูกต้องตามหลักวิชาการทุกประการ”
“ล่าสุด ห้องปฏิบัติการทดสอบของ เอสซีจี เซรามิกส์ โรงงานหินกอง ยังได้รับการรับรอง มอก.17025-2561 เวอร์ชันใหม่ เป็นรายแรกของกลุ่มวัสดุก่อสร้างของเอสซีจี โดยในประเทศไทยมีห้องปฏิบัติการทดสอบเพียง 3 แห่งเท่านั้น ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานนี้ และ เอสซีจี เซรามิกส์ เป็นผู้ผลิตกระเบื้องเซรามิก รายแรกและรายเดียวในประเทศที่ได้รับการรับรอง เป็นการสร้างความมั่นใจและตอกย้ำความน่าเชื่อถือในเรื่องการทดสอบคุณภาพสินค้าและเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้คุณภาพสินค้าของเราเป็นที่ยอมรับจากลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ ”
ในส่วนของความคืบหน้าของโครงการลดต้นทุนด้านพลังงานที่สำคัญโดยเฉพาะโครงการพลังงานทดแทน ล่าสุด “โครงการระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบลอยน้ำและบนหลังคาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตน้ำประปานิคมอุตสาหกรรมหนองแค” ได้รับรางวัลดีเด่น Thailand Energy Awards 2019 ด้านพลังงานทดแทน ประเภทโครงการที่ไม่เชื่อมโยงกับระบบสายส่งไฟฟ้า หรือ Off-Grid
โครงการระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ มีการติดตั้ง 2 ระบบ คือแบบบนหลังคาและแบบลอยน้ำ จุดเด่นอยู่ที่ระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบลอยน้ำ (Solar Floating) ซึ่งสามารถผลิตไฟฟ้าได้มากกว่าแบบบนหลังคา 9% และยังลดการระเหยน้ำในบ่อได้ 7% ส่งผลให้บริษัทลดการใช้ไฟฟ้าจากภายนอกได้ถึง 14% จากกำลังการติดตั้งทั้งสิ้น 160 Kw ที่มาของโครงการดังกล่าวเกิดจากการมุ่งค้นหาพลังงานทดแทนที่ไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมโดยใช้พื้นที่ของสำนักงานนิคมอุตสาหกรรมหนองแคเป็นโครงการนำร่อง มีพื้นที่หลายจุดสำหรับติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่บนหลังคาของตัวอาคาร บ่อน้ำด้านหลังสำนักงาน ปัจจุบันได้เปิดให้เป็นแหล่งเรียนรู้เรื่องโซลาร์เซลของชุมชนโดยรอบด้วย
นายนำพล กล่าวว่า “โครงการนี้ดำเนินการโดยทีมงาน Energy Solution Services ของ บริษัทเอสซีจี เซรามิกส์ ซึ่งเป็นการรวมทีมผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมและพลังงานทดแทน โดยได้เปิดให้บริการคำปรึกษาแนะนำ จำหน่ายและติดตั้งระบบผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนประเภทต่าง ๆ โดยเฉพาะระบบโซลาร์เซล ให้กับหน่วยงานภายนอก ซึ่งในปีที่ผ่านมาเราเริ่มมีรายได้จากหน่วยงานนี้ โดยก่อนหน้านี้ทีมนี้มีผลงานที่คว้ารางวัลทั้งในระดับประเทศและต่างประเทศทั้ง Thailand Energy Awards ต่อเนื่อง 5 ปีซ้อน ตั้งแต่ปี2010-2014 รวมถึงได้รับรางวัลในระดับ ASEAN ถึง 2 ปีด้วยกันในปี 2010 และ2014 ด้วย”
“เอสซีจี เซรามิกส์ ยังคงมุ่งเน้นเรื่องการบริหารจัดการพลังงานให้มีประสิทธิภาพและพัฒนานวัตกรรมพลังงานทดแทนอย่างต่อเนื่อง เพราะตระหนักดีกว่าเป็นเรื่องสำคัญที่ส่งผลต่อความสามารถในการแข่งขันและการเติบโตอย่างยั่งยืนของบริษัท นอกจากนี้การลดการใช้ทรัพยากรโดยเฉพาะทรัพยากรธรรมชาติและไม่สร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมยังถือเป็นการแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมตามอุดมการณ์ของเอสซีจี ที่เราถือมั่นมาอย่างยาวนานด้วย” นายนำพล กล่าวสรุป
_________________________________
บริษัทเอสซีจี เซรามิกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ COTTO
ก่อตั้งเมื่อเดือน สิงหาคม 2561 จากการควบ 5 บริษัทย่อยภายในเครือSCG (The Siam Cement Group) ได้แก่ (1) บริษัทเซรามิคอุตสาหกรรมไทยจำกัด (“TCC”) (2) บริษัทเดอะ สยาม เซรามิค กรุ๊ป อินดัสทรี่ส์ จำกัด (“SGI”) (3) บริษัทโสสุโก้ แอนด์ กรุ๊ป (2008) จำกัด (“SSG”) (4) บริษัทไทย–เยอรมันเซรามิค อินดัสทรี่ จำกัด (มหาชน) และ (5) บริษัทเจมาโก จำกัด (“GMG”) ส่งผลให้เอสซีจี เซรามิกส์ กลายเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมกระเบื้องปูพื้นและบุผนังของประเทศ โดยมีฐานการผลิต ทั้งหมด 4 แห่งตั้งอยู่ที่จังหวัดสระบุรี มีกำลังการผลิตกระเบื้องสูงสุดรวมกันถึงปีละ 94 ล้านตารางเมตร ภายใต้ 3 แบรนด์หลัก คือ แบรนด์คอตโต้ (COTTO) โสสุโก้ (SOSUCO) และ คัมพานา(CAMPANA)