เอสซีจี เซรามิกส์ แถลงผลประกอบการไตรมาส 2 และครึ่งปีแรก 2563 ฝ่าวิกฤติโควิด ดีเกินคาด เตรียมจัดทัพมุ่งสู่ธุรกิจติดตั้ง-ตกแต่ง-ต่อเติม พร้อมรับมือตลาดซ่อม-สร้าง
แม้ว่าวิกฤตโควิดที่เกิดขึ้นตลอดไตรมาสที่ 2 จะทำให้ยอดขายลดลงทั้งในประเทศและส่งออกต่างประเทศ แต่กำไรเพิ่มขึ้น 95% เมื่อเทียบกับปีก่อน เนื่องจากสามารถบริหารจัดการช่องทางจัดจำหน่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดค่าใช้จ่ายในการบริหารลงได้โดยปรับเปลี่ยนกระบวนการทำงานเป็นออนไลน์มากขึ้น ตลอดจนปรับตัวได้อย่างรวดเร็วตามพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของลูกค้า จึงทำให้ผลประกอบการในไตรมาสนี้ดีกว่าที่คาดการณ์ไว้
นายนำพล มลิชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสซีจี เซรามิกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ COTTO ผู้ผลิตและจำหน่ายกระเบื้องภายใต้แบรนด์คอตโต้ (COTTO) โสสุโก้ (SOSUCO) และ คัมพานา (CAMPANA) เปิดเผยถึงงบการเงินรวมก่อนสอบทาน ของ COTTO ในไตรมาสที่ 2 ปี 2563 ว่า บริษัทฯ มีรายได้จากการขาย 2,369 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 15 บริษัทฯ มีกำไรสำหรับงวด 41 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 95 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
สำหรับผลประกอบการครึ่งปีแรกของปี 2563 บริษัทฯ มีรายได้จากการขาย 4,892 ล้านบาท ลดลง ร้อยละ 16 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนเป็นผลจากสภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงจากปัญหา COVID-19 โดยมีกำไรสำหรับงวด 166 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 10 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งดีกว่าที่คาดการณ์ไว้
นายนำพล เปิดเผยว่า “บริษัทฯ มียอดขายทั้งในประเทศและต่างประเทศลดลงจากปีก่อน โดยเฉพาะในช่วงที่มีมาตรการล็อคดาวน์ซึ่งมีการปิดช่องทางจัดจำหน่ายหลัก คือ ร้านโมเดิร์นเทรดทุกแห่ง อย่างไรก็ตาม เนื่องจากบริษัทฯ มีช่องทางจัดจำหน่ายที่หลากหลายและมีการบริหารจัดการช่องทางจัดจำหน่ายแต่ละรูปแบบอย่างมีประสิทธิภาพจึงทำให้ได้รับผลกระทบบ้างแต่ไม่มากจนเกินไป เนื่องจากผู้บริโภคยังสามารถเข้าถึงสินค้าของบริษัทฯ ได้จากหลากหลายช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นร้านผู้แทนจำหน่าย คลังเซรามิคและช่องทางออนไลน์ นอกจากนี้ เรายังได้ร่วมมือกับร้านโมเดิร์นเทรดเพื่อช่วยกระตุ้นการขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ด้วยในช่วงที่หน้าร้านปิดทำการ ทำให้ยอดขายผ่านทางช่องทางนี้โดยรวมโตขึ้นถึง 300% ทางด้านคลังเซรามิคมียอดขายสูงกว่าเป้าหมายทุกเดือน ในขณะที่ร้านผู้แทนจำหน่ายส่วนใหญ่ยังมียอดขายทรงตัว”
ในส่วนของการส่งออกไปยังตลาด CLM อเมริกา ยุโรป และโอเชียนเนียได้รับผลกระทบแตกต่างกันไปตามสถานการณ์ความรุนแรงของการระบาดของโควิด-19ในแต่ละพื้นที่ อย่างไรก็ตาม ในช่วงไตรมาสที่ผ่านมาบริษัทฯ สามารถดำเนินการผลิตและขนส่งสินค้าอย่างต่อเนื่องไม่หยุดชะงักจึงทำให้ผลประกอบการไตรมาสที่ 2 ดีกว่าที่คาดการณ์ไว้มาก และขณะนี้ตลาดส่งออกเริ่มดีขึ้นบ้างในกลุ่มประเทศที่กำลังฟื้นตัวโดยเฉพาะกลุ่มประเทศ CLM
สำหรับแผนงานของบริษัทฯ ภายหลังจากนี้ นายนำพลเปิดเผยว่า ผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้วิถีชีวิตของคนเปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะพฤติกรรมผู้บริโภคที่ใช้ชีวิตอยู่บ้านมากขึ้นและมีความตระหนักถึงเรื่อง ความสะอาดและความปลอดภัย ภายในบ้านเพิ่มขึ้น เป็นโอกาสดีของบริษัทฯที่จะนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ ๆ ในกลุ่ม Health and Clean เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่ต้องการปรับแต่งพื้นที่อยู่อาศัยให้เอื้อต่อการมีสุขภาวะที่ดี ปลอดภัย สะอาดไร้กังวลและสร้างความอุ่นใจในการอยู่อาศัย โดยในช่วงไตรมาสที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้เร่งออกสินค้าเพื่อตอบสนองลูกค้ากลุ่มนี้ อาทิ กระเบื้อง Hygienic Tile หรือ กระเบื้องยับยั้งแบคทีเรีย จาก COTTO ที่ใช้เทคนิคในการผสมสารซิลเวอร์นาโนในเนื้อกระเบื้องทำให้สามารถยับยั้งการเกิดเชื้อแบคทีเรียได้ตลอดอายุการใช้งาน ต่างจากการใช้น้ำยาฆ่าเชื้อที่ออกฤทธิ์ขณะใช้งานและหมดประสิทธิภาพลงอย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้ขยายพอร์ทสินค้าเพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตของคนยุคนี้ที่ให้ความสำคัญไม่เพียงแต่ความสะอาด แต่ยังต้องคำนึงถึง ความสะดวก ปลอดภัย และสวยงาม อีกด้วย บริษัทฯจึงมุ่งเน้นพัฒนาออกสินค้าและบริการเพื่อตอบโจทย์ลูกค้า เช่น แผ่นปูพื้น LT แบบ Smart Flexible ซึ่งเป็นวัสดุปูพื้นที่มีดีไซน์สวยงาม ติดตั้งง่าย รวดเร็ว และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และล่าสุด กระเบื้องรุ่น 4D+ จาก CAMPANA และ SOSUCO ที่เพิ่มประสิทธิภาพในการกันลื่นเพื่อความปลอดภัยได้ดียิ่งขึ้น โดยยังคงให้ผิวสัมผัสที่่นุ่มละมุนสบายแตกต่างจากเดิม
ที่สำคัญ เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าที่ ต้องการปรับปรุงที่พักอาศัย (รีโนเวต) บริษัทฯ ได้มีการขยายธุรกิจให้บริการติดตั้ง โดยจัดตั้งแบรนด์ C’TIS (Certified Tile Installation Service) เพื่อให้บริการสร้างซ่อม ตกแต่ง ต่อเติม ติดตั้งกระเบื้องและวัสดุกรุผิว ด้วยทีมช่างมืออาชีพ ภายใต้การรับรองคุณภาพมาตรฐานกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน
“เราเริ่มต้นจากธุรกิจติดตั้งกระเบื้องเมื่อประมาณปลายปีที่แล้วและได้รับการตอบรับอย่างดียิ่งจากลูกค้าหลากหลาย ทั้งลูกค้ากลุ่มที่ต้องการปรับปรุงบ้านที่อยู่อาศัย หน่วยงานราชการ โรงพยาบาล และอื่น ๆ จากนี้จึงคาดว่าจะต่อยอดธุรกิจเป็น ธุรกิจสร้างซ่อม ตกแต่ง ต่อเติม ติดตั้งวัสดุกรุผิว ที่หลากหลายมากยิ่งขึ้นนอกเหนือจากกระเบื้องเซรามิก ไม่ว่าจะเป็นอลูมิเนียมคอมโพสิตสำหรับอาคารสูงและอาคารทั่วไป หรือวัสดุกลุ่ม Resilient Flooring ได้แก่แผ่นปูพื้น LT แบบ Smart Flexible by COTTO เพื่อเจาะตลาดงานต่อเติมบ้านและอาคารขนาดเล็กโดยมีกลุ่มเป้าหมาย คือ บ้านในโครงการต่าง ๆ ที่ผ่านมาลูกค้าส่วนใหญ่นิยมใช้บริการของ C’TIS ในการต่อเติมโรงจอดรถ ปูกระเบื้องสระว่ายน้ำ ปูพื้นห้องคอนโดมิเนียม งานตกแต่งอาคารสถานที่ด้วยกระเบื้องขนาดใหญ่ ลูกค้าที่สนใจใช้บริการติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ทาง เฟซบุ๊กเพจ C’TIS หรือ COTTO Life และร้านผู้แทนจำหน่ายในพื้นที่ต่าง ๆ ซึ่งขณะนี้มีจุดให้บริการกว่า 30 จุดทั่วประเทศ และกำลังจะขยายเพิ่มอีก 10 แห่งในปีนี้ ”
ปัจจุบัน C’TIS มีทีมช่างประมาณ 100 คนที่ให้บริการด้านสร้าง ซ่อม ตกแต่ง ต่อเติม ติดตั้ง และยังคงเปิดรับสมัครทีมช่างจำนวนมากเข้ามาร่วมงาน โดยจะมีการอบรมให้ความรู้ตามมาตรฐานของ C’TIS พร้อมกับมอบหมายงานให้ทีมช่างอย่างสม่ำเสมอ
“คาดว่าผลกระทบที่เกิดขึ้นจะยังคงส่งผลต่อทั้งระบบเศรษฐกิจไปอีกระยะหนึ่ง โดยมีหลายปัจจัยที่ควรเฝ้าระวัง เช่น แนวโน้มตัวเลขผู้ติดเชื้อ ความชัดเจนของการผลิตวัคซีนป้องกัน และสภาพคล่องของระบบเศรษฐกิจ ในส่วนของตลาดกระเบื้องเซรามิกอาจจะได้รับผลกระทบจากภาคอสังหาริมทรัพย์ และกำลังซื้อที่ลดลงของประชาชนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่เชื่อว่าหลังจากนี้ไปสถานการณ์ตลาดในประเทศจะค่อย ๆ คลี่คลายลงตามลำดับ ตามที่ภาครัฐมีแนวทางและมาตรการต่าง ๆ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจออกมา คาดว่าจะมีส่วนช่วยให้ตลาดมีความต้องการใช้กระเบื้องเซรามิกและวัสดุก่อสร้างดีกว่าในไตรมาสก่อน
ด้านบริษัทฯ ได้มีการเตรียมความพร้อมในการวางแผนการผลิตเพื่อบริหารสต๊อกสินค้าให้สอดรับกับความต้องการของตลาดและจับตาดูพฤติกรรมผู้บริโภคอย่างใกล้ชิดด้วย ทั้งนี้ยังต้องรอดูทิศทางของ COVID-19 หากไม่มีการระบาดระลอก 2 มั่นใจว่าจะเป็นไปตามแผนงานระยะฟื้นฟูตามที่บริษัทฯ ได้ตั้งเป้าหมายไว้” นายนำพล กล่าวสรุป
__________________________________________
บริษัทเอสซีจี เซรามิกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ COTTO
ก่อตั้งเมื่อเดือน สิงหาคม 2561 จากการควบ 5 บริษัทย่อยภายในเครือ SCG (The Siam Cement Group) ได้แก่ (1) บริษัทเซรามิคอุตสาหกรรมไทย จำกัด (“TCC”) (2) บริษัทเดอะ สยาม เซรามิค กรุ๊ป อินดัสทรี่ส์ จำกัด (“SGI”) (3) บริษัทโสสุโก้ แอนด์ กรุ๊ป (2008) จำกัด (“SSG”) (4) บริษัทไทย-เยอรมัน เซรามิค อินดัสทรี่ จำกัด (มหาชน) และ (5) บริษัทเจมาโก จำกัด (“GMG”) โดย SCG CERAMICS ส่งผลให้เอสซีจี เซรามิกส์ กลายเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมกระเบื้องปูพื้นและบุผนังของประเทศ โดยมีฐานการผลิต ทั้งหมด 4 แห่งตั้งอยู่ที่จังหวัดสระบุรี มีกำลังการผลิตกระเบื้องสูงสุดรวมกันถึงปีละ 94 ล้านตารางเมตร ภายใต้ 3 แบรนด์หลัก คือ แบรนด์คอตโต้ (COTTO) โสสุโก้ (SOSUCO) และ คัมพานา (CAMPANA)