ความเปลี่ยนแปลงในการใช้ชีวิตในช่วงเวลาแห่งวิกฤติไม่ว่าจะเป็นด้านเศรษฐกิจการเมือง สังคม รวมถึงโรคระบาด  ทำให้ผู้คนมีการปรับตัวอย่างมากมาย  เมื่อทุกอย่างค่อย ๆ คลี่คลาย ฟื้นฟูในการใช้ชีวิตค่อย ๆ ดำเนินต่อไป ทุกวันนี้ผู้คนกลับมามีความหวังกับตัวเอง และโลกใบนี้อีกครั้ง  ไม่ว่าจะเป็นดูแลตัวเองเพื่อให้มีสุขภาวะที่ดีในองค์รวม หันมาใช้ชีวิตเชื่อมต่อกับธรรมชาติมากขึ้น ต่างขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีทั้งออนไลน์ และออฟไลน์ในการใช้ชีวิตของคนทุกเพศทุกวัย  กระเบื้องแบรนด์ COTTO ภายใต้ SCG Decor  ได้นำทีม Designers ศึกษาผ่านบริบททางสังคมของแต่ละคน เหตุการณ์ สถานการณ์ สภาพแวดล้อม  สิ่งแวดล้อม  มุมมองการใช้ชีวิตในช่วงที่ผ่าน  ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญที่จะร่วมเปิดมุมมองการใช้วัสดุในรูปแบบใหม่   โดยการผสานทิศทางของเทรนด์การใช้ชีวิตของคนที่เปลี่ยนแปลง   มีความหลายหลาย ไม่ยึดติดกับมุมมองเดิม ๆ  พร้อมชวนคิด  เพราะทุกงานสร้างสรรค์ที่นำเสนอทุกส่วนมักสะท้อนตัวตนของผู้สร้างงาน

การนำเสนอไลฟ์สไตล์เทรนด์ จากการศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างน่าสนใจ และน่าติดตามของ COTTO สำหรับปี 20232024  ใน Theme ที่ชื่อว่า MEflection เราสะท้อน-โลก, โลก-สะท้อนเรา ซึ่งเกิดจากคำว่า Me และ Flection ประกอบกัน เพราะมนุษย์เรามีแนวโน้มในการกลับมาทบทวนชีวิต และสะท้อนความเป็นเราออกไปสู่โลกภายนอก ในขณะเดียวกันโลกที่เราอยู่ก็ส่งผลสะท้อนกลับมาทีตัวเราเองเช่นกัน  จึงนำเสนอเรื่องราวผสานกับ Lifestyle Trends ที่แสดงให้เห็นถึงมุมมองการใช้ชีวิต ช่วงวัยที่แตกต่างกันไปใน 4 รูปแบบ

BASIC ORGANIC – สมดุลเรา สมดุลโลก

จากการผ่านเรื่องราวต่าง ๆ มากมาย จึงไม่แปลกที่คน Gen Y ถึง Gen X ซึ่งอยู่ในช่วงวัยที่ต้องการแบกรับภาระต่าง ๆ  ทำให้รู้สึกอ่อนล้า เหน็ดเหนื่อยกับการดำรงชีวิต พวกเขาจึงมองหาความสุข เพื่อการใช้ชีวิตที่มีความหมาย  หันกลับมาให้ความสำคัญเรื่องความสมดุลของชีวิต  ใส่ใจดูแลสุขภาพ ให้ความสำคัญกับจิตใจและอารมณ์  ใช้จังหวะชีวิตที่ช้าลง  อยู่กับธรรมชาติมากขึ้น คนเทรนด์นี้จะมองหาการพักผ่อน และทำกิจกรรมที่ชอบในช่วงวันหยุด ผ่อนคลายกับธรรมชาติ สนใจการรีโนเวตบ้านเพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิต เข้ากับบริบทของพื้นที่  มีความสนใจด้าน ECO จึงพร้อมสนับสนุนธุรกิจที่ไม่ได้เพียงแสวงหากำไร  แต่ยังมีเป้าหมายเพื่อการดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อม  ภายใต้ความเชื่อที่ว่า  หากตัวเราดี  สังคมและโลกก็จะดีตามไปด้วย

สำหรับการออกแบบที่จะสอดรับกับกระแสของคนเทรนด์นี้  จะต้องเป็นดีไซน์ที่เชื่อมโยงกับธรรมชาติ  อย่างรูปทรงที่เรียบง่ายและมีอิสระ  ส่วนวัสดุจะเน้นความเป็นคราฟต์และให้ความสำคัญกับรีไซเคิล  ในขณะที่สีหลักที่จะครองใจผู้คนกลุ่มนี้ คือ โทนสีกลาง (Neutral) ซึ่งสะท้อนถึงความสมดุลและช่วงจังหวะที่ช้าลง รวมถึงเฉดสีที่ช่วยเสริมสร้างความสุขสงบ ที่ยั่งยืน

 

RETRO FUTUR – ก้าวไปสู่อนาคตพร้อมความความสุขในอดีต

เมื่อเกิดวิกฤติหนึ่งครั้ง   โอกาสการเกิดนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่มนุษย์ได้พัฒนาเทคโนโลยีก็มักจะตามมาเสมอ เทคโนโลยีมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนให้โลกดำเนินต่อไปในอนาคต ผู้คนจึงต้องปรับตัวตามความก้าวหน้าเหล่านี้ไปด้วย กลุ่มคน Gen Y เป็นกลุ่มต้องการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีในทุกๆ มิติ   ในขณะที่ชาว Baby Boomers และ Gen X ใช้เทคโนโลยีในฐานะเครื่องมือเชื่อมต่อกับคนกลุ่มอื่น ๆ  ส่วนเด็ก Gen Z และ Alpha ก็เติมโตมากับวิทยาการเหล่านี้อยู่แล้ว

สิ่งที่เห็นได้ชัดในกลุ่ม Gen Y มีความเชี่ยวชาญการใช้เทคโนโลยี มีใจเปิดกว้างต่อนวัตกรรมใหม่ ๆ เชื่อว่าเทคโนโลยีจะช่วยยกระดับชีวิตให้ดีขึ้น   แต่ยังมีบางห้วงเวลาที่หวนระลึกถึงความสุขในอดีต  ดังนั้น เทรนด์ “RETRO FUTUR’ “  จึงเป็นเสมือนการผสานเทคโนโลยีแห่งอนาคตกับกลิ่นอายของยุคสมัยเก่า ๆ เรียกได้ว่าเป็นเจเนอเรชั่นที่เชื่อมประสานระหว่างกลุ่มคน Gen อื่น ๆ ที่พวกเขารับผิดชอบ  ดูแลครอบครัวให้มีความเป็นอยู่ที่ดี ให้ความสำคัญด้านสุขอนามัยเป็นพิเศษ และยินดีที่จะใช้เทคโนโลยีมาช่วยหากเทคโนโลยีนั้นสามารถตอบโจทยด้านความสะอาด และปลอดภัยได้

สิ่งที่ตอบโจทย์ความต้องการของคนกลุ่มนี้ได้  จึงมักเป็นสิ่งที่มีฟังก์ชั่นล้ำสมัย  แต่ผสานดีไซน์แห่งอดีต  ที่เข้ากับเทรนด์ปัจจุบันอย่างลงตัว  อย่างสไตล์เรโทร  เส้นสายแบบกลมมน หรือ แพตเทิร์นแบกริด เป็นต้น   ส่วนวัสดุที่เลือกใช้ต้องให้ความรู้สึกถึงความสะอาด และปลอดภัย (Hygienic Materials)  หรือ เป็นวัสดุรีไซเคิลที่ช่วยลดปัญหาการขาดแคลนทรัพยากร (Smart Eco Material)  รวมถึงวัสดุที่ผสมผสานกับเทคโนโลยีจนเกิดเป็นนวัตกรรมแห่งโลกอนาคต (Smart Materials) 

YOUTOPIA – โลกใบเดิม ที่ดีขึ้นกว่าเดิม

เพราะโลกมีความแตกต่าง และหลากหลาย  ปัญหาความเหลื่อมล้ำ ความอยุติธรรม  ตลอดจนปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้น  ทำให้สังคมที่ควรเท่าเทียมและเป็นพื้นที่ปลอดภัยสำหรับทุกคน  กลายเป็นเพียงโลกในอุดมคติ หรือ Utopia เท่านั้น   แต่การเติบโตของสังคมออนไลน์ก่อให้เกิดพลังของโซเชียลมีเดีย  มีส่วนผลักดันให้ผู้คนเรียนรู้เรื่องสิทธิ และเสรีภาพกันมากขึ้น  ไม่เมินเฉยต่อปัญหา กล้าแสดงออกถึงจุดยืนของตนเอง  และมีความหวังว่าจะสามารถเปลี่ยนแปลงสังคมให้ดีขึ้นได้   สิ่งที่คนยุคนี้ใช้เป็นเครื่องมือ คือ “Soft Power” พลังที่ผ่านความคิดสร้างสรรค์สนุกสนาน  เสียดสีด้วยอารมณ์ขัน  แต่เข้มข้นด้วยสาระสำคัญที่อยากส่งต่อออกไปสู่ผู้อื่น เพื่อสร้างการตระหนักรู้ในวงกว้าง   พวกเขาเชื่อว่า Utopia ในอุดมคติจะกลายเป็น Youtopia โลกที่ดีงามสำหรับคนุร่นถัดไปได้ด้วยพลังเล็ก ๆ ที่เริ่มต้นไปด้วยกันตั้งแต่วันนี้

เราอาจเข้าใจว่า กลุ่มคนรุ่นใหม่เท่านั้นที่หันมาสนใจเรื่องการพัฒนาสังคม และโลก แต่ในความเป็นจริงแล้ว  คนทุกรุ่นต่างตื่นรู้และตระหนักถึงในเรื่องนี้เช่นกัน  โดยกลุ่มคนรุ่นเก่าก็มีบางส่วนที่เข้าใจการเปลี่ยนแปลงแห่งยุคสมัย  ซึ่งเรียกคนกลุ่มนี้ว่า Elastic Gen หรือ กลุ่มคนที่มีความยึดหยุ่นสูง  ในขณะที่คน Gen X จะมีลักษณะของการปรับตัวได้เร็ว มีอุดมการณ์และตั้งคำถามกับโครงสร้างทางสังคม  ส่วนคน Gen Y เป็นผู้เต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์  กล้าที่จะเรียกร้องในสิ่งที่ถูกต้อง  ในขณะที่ Gen Z เติบโตมาด้วยเทคโนโลยีที่ช่วยให้เข้าถึงทุกอย่าง  จึงตระหนักในเรื่องความหลากหลาย และความเสมอภาค  ทั้งยังมีความกล้าที่จะยึนหยัด และลงมือทำในสิ่งที่ถูกต้อง การผสมผสานของกลุ่มคนทุกรุ่นทุกวัยนั้น ช่วยขับเคลื่อนโลกในวันนี้ไปสู่โลกที่เราอยากให้เป็น  พวกเขาใช้ความคิดสร้างสรรค์เพื่อรณรงค์ในทุกมิติ ทั้งเรื่องการเมือง สิ่งแวดล้อม ความเท่าเทียม  ตลอดจนสิทธิคนพิการและผู้สูงอายุ

การออกแบบที่จะมาตอบรับคนกลุ่มนี้  จึงใช้แนวคิดนอกกรอบที่สะท้อนตัวตนอันอิสระ  เต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง  ความสนุกสนาน  รักในสีสันที่โดดเด่น   ผสานกับความโมเดิร์นของยุคสมัย  เพื่อเติมเต็มความคิด ความเชื่อ  นอกจากการคำนึงถึงด้านดีไซน์แล้ว  พวกเขายังคิดถึงโลกที่อยู่อาศัย และเปิดรับความหลากหลายในการผสมผสานวัสดุเพื่อสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ อีกด้วย

FREEDOM SPECTRUM:  โลกเสมือน – จริง

การมาถึงของยุคดิจิทัลทำให้โลก ณ ปัจจุบันไม่ได้มีเพียงหนึ่งใบอีกต่อไป   ทำให้เราสามารถเข้าถึงข้อมูลอย่างไร้ขีดจำกัด  ตระหนักถึงเรื่องความหลากหลาย (Human Diversity)  พยายามผลักดันเสียงของตนเองผ่านโลกออนไลน์ และประเด็นสุดท้าย คือ อิทธิพลของกลุ่ม Gen Z ที่กล้าแสดงความเป็นตัวเอง พร้อมสร้างโลกในแบบที่ให้เป็น ทั้งหมดนี้จึงทำให้โลกดิจิทัลกลายเป็นพื้นที่แสดงออกทางตัวตน (Self-Expression) ที่เราทุกคนมีสิทธิ์เท่ากัน  จนเกิดเป็นเทรนด์ “Freedom Spectrum” หรือ “ อิสระในโลกเสมือน + จริง “ ขึ้นมา เมื่อสังคมดิจิทัลเติบโตจนกลายเป็นอีกหนึ่งพื้นที่  ที่รวบรวมผู้คนจากทั่วทุกมุมโลก  จึงเกิดกลุ่มคนที่เรียกว่า Digital Native มีความโดดเด่นในการสร้างสรรค์ และเปิดรับประสบการณ์ใหม่ ๆ โดยส่วนใหญ่เป็นชาว Gen Z ที่มีทัศนคติกล้าเสี่ยง รักอิสระ เข้าถึง และเป็นส่วนหนึ่งของ Social Network รูปแบบใหม่ ๆ  แสดงความเป็นตัวเองผ่านการสร้างสรรค์คอนเทนต์ที่แปลกใหม่  จนเกิดเป็นกระแสทำให้คนรุ่นอื่น ๆ ต้องติดตาม และปรับตัวสู่โลกยุคใหม่ พวกเขามักปรับตัวกับความเปลี่ยนแปลงได้ดี  เปิดใจกับวัฒนธรรมใหม่ ๆ โดยเฉพาะด้านดิจิทัล ทั้งระบบค่าเงิน  ศิลปะ  ไปจนถึงโลกเสมือนที่ช่วยขยายประสบการณ์ให้กว้างขึ้น

การออกแบบที่จะมาสอดรับกับธรรมชาติของคนกลุ่มนี้  สามารถเป็นไปได้อย่างหลากหลายไร้ขีดจำกัด เพราะผสานโลกออนไลน์ และออฟไลน์เข้าด้วยกันได้  อาจมีความเหนือจริง (Surreal) แบบเกมส์ ที่มีความแฟนตาซี เพื่อตอบรับกับจินตนาการสุดล้ำทั้งในโลกจริง และโลกเสมือนของพวกเขา

การนำเสนอเรื่องราวของเทรนด์การใช้ชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไปตามเจนเนอเรชั่นต่าง ๆ  ของแบรนด์คอตโต้ที่ให้ความสำคัญกับการใช้วัสดุรูปแบบใหม่ ไม่ว่าจะเป็นดีไซน์ สีสัน ไม่ยึดติดกับมุมมองหรือรูปแบบเดิมๆ อีกต่อไป  เพื่อให้งานออกแบบตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์เทรนด์ของคนในยุค 2023-2024 สะท้อนตัวตนของผู้สร้างงาน ผู้ใช้งาน พร้อมทั้งแสดงออกในมุมของ ESG ด้วยผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรับรองภายใต้ฉลาก SCG GREEN CHOICE  สนใจดูรายละเอียดสินค้าทั้ง 4 รูปแบบ

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมผ่าน www.cotto.com พร้อมทั้งช่องทาง Social Media ทุกๆช่องทาง COTTO Official และ Line OA  @COTTOOfficial หากต้องการสั่งซื้อสินค้าออนไลน์หรือติดตาม โปรโมชั่นพิเศษทุก ๆ วันได้ที่  https:/www.cottolife.com สัมผัสพื้นผิวเพื่อความมั่นใจได้ที่ COTTO Life ทั้ง 3 สาขา กรุงเทพ เชียงใหม่  ขอนแก่น